มาให้ความรู้วิธีต่อสายสัญญาณระบบเสียง PA ให้ถูกต้อง
ระบบเสียง PA นั้นหมายถึงระบบเสียงสาธารณะ มาจากคำเต็มภาษาอังกฤษว่า Public Address โดยการจะขยายพลังเสียงนั้นต้องมีอุปกรณ์หลักคือ สัญญาณขาเข้า โดยมีแหล่งกำเนิดต่างๆ เช่น ไมโครโฟน เครื่องเล่นซีดี วีซีดี หรือแหล่งกำเนิดอื่นๆ เข้ามา อาจมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น แล้วจึงส่งสัญญาณออกไปยัง สัญญาณขาออก ที่ทำหน้าที่กระจายเสียงนั้นออกไปให้ได้ยินทั่วกัน เช่น ลำโพง เป็นต้น ระบบเสียง PA นี้ทำให้ผู้คนได้ยินเสียงที่ชัดเจนขึ้น และเสียงที่เปล่งออกไปนั้นยังสามารถปรับแต่งให้มีคุณภาพ นุ่มนวล สนุกสนาน เพิ่มเติมลงไปได้ ขยายเสียงได้ในระยะไกล เหมาะกับการประกอบกิจกรรมที่มีผู้คนมาก มีพื้นที่กว้างขวาง
อุปกรณ์หลักในระบบเสียง PA ก็คือเครื่องขยายเสียง ซึ่งมีกำลังวัตต์เริ่มต้นที่ 10 วัตต์จนไปถึงหลายร้อยวัตต์ ยิ่งมีวัตต์สูง ยิ่งมีคุณภาพของพลังเสียงมาก เหตุที่เรียกว่าระบบเสียงสาธารณะเพราะว่าสามารถกระจายเสียงไปได้ไกลในพื้นที่กว้างให้ได้ยินทั่วกัน เช่น งานวัด งานโรงเรียน หนังกลางแปลง หอประชุม เป็นต้น โดยก่อนจะเปล่งเสียงออกไปให้ได้ยินทั่วกันนั้นต้องผ่านระบบกระจายเสียงที่เราเรียกว่าลำโพง นอกจากนั้นปัจจุบันยังมีระบบมิกเซอร์เข้ามาช่วยควบคุมให้เสียงมีคุณภาพ โดยเราสามารถปรับแต่งเองว่าอยากให้เสียงนั้นออกมาในลักษณะไหน เช่น ทุ้ม แหลม นุ่มนวล มีเอ็คโค่ เป็นต้น ตามแต่ลักษณะการใช้งาน
โดยทั่วไปนั้นการนำสัญญาณมาใช้ในระบบเสียง PA ที่นิยม มี 2 แบบ ได้แก่
- BALANCE SIGNAL
สายสัญญาณแบบ BALANCE SIGNAL จะมีการแยกสัญญาณบวกและลบออกจากกัน โดยจะมีสายกราวด์เข้ามาช่วยป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก ทำให้เสียงได้ที่ยินจะมีคุณภาพ ใส สะอาด ใช้สายสัญญาณหรือแจ็คทั้งหมด 3 สาย โดยมีแจ็คที่นิยมใช้ 2 แบบ ดังนี้
– XLR (EXTRA LOW RESISTANCE) เป็นสายสัญญาณชนิดที่ความต้านทานต่ำมาก ทำให้ลากสายไปได้ในระยะไกลโดยไม่มีสัญญาณรบกวน การต่อสัญญาณมีดังนี้ ขาที่ 1 กราวด์ , ขาที่ 2 สัญญาณชนิดบวกหรือ HOT SIGNAL
และขาที่ 3 สัญญาณชนิดลบหรือ COOL SIGNAL
– TRS (TIP RING SHEEVE) มีการต่อโดยสายที่ 1 SHEEVE เปรียบได้เสมือนสายกราวด์ สายที่ 2 TIP จะเป็นสัญญาณชนิดบวก และสายสัญญาณที่ 3 สาย RING จะเป็นสัญญาณชนิดลบ
- UNBALANCE SIGNAL
จะใช้สายสัญญาณหรือแจ็คทั้งหมด 2 สาย คือแจ็คแบบ PHONO และแบบ RCA การต่อสัญญาณแบบ UNBALANCE SIGNAL จะรวมเสียงบวกและลบเข้าด้วยกัน แล้วมีสายกราวด์ช่วยในการป้องกันสัญญาณรบกวน แต่หากเดินสายแบบไกลจะมีข้อเสียคือเสียงรบกวนของสายกราวด์จะมากกว่าแบบ BALANCE SIGNAL จึงเหมาะกับการใช้งานแบบเดินสายใกล้มากกว่า